คนไทยเล่นพนันสูงขึ้น จริงหรือ?

การพนันมีผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ มีแนวโน้มเกี่ยวข้องกับการพนันมากขึ้น ทั้งทางออฟไลน์และออนไลน

ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ สำรวจสถานการณ์พฤติกรรม และผลกระทบการพนันในประเทศไทยทุก 2 ปี โดยปี 2560 พบว่า คนไทยร้อยละ 75.2 หรือเกือบ 40 ล้านคนเคยเล่นพนัน เกินครึ่งเริ่มเล่นพนันครั้งแรกตอนอายุไม่เกิน 20 ปี กลุ่มเริ่มเล่นพนันครั้งแรกอายุต่ำสุดที่ 7 ปี ประเภทการพนันที่เล่นมากที่สุด คือ สลากกินแบ่งรัฐบาลเนื่องจากมีการเพิ่มปริมาณสลากฯ แบบก้าวกระโดด ตามด้วย หวยใต้ดิน ไพ่บาคาร่า และพนันบอลSbobet ตามลำดับ

นอกจากนี้ยังพบว่า คนไทยเล่นพนันมากถึงร้อยละ 54.6 หรือเกือบ 29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคนเมื่อเทียบกับปี 2558 ในจำนวนนี้เป็นนักพนันหน้าใหม่ถึง 6 แสนกว่าคน ทั้งยังพบผู้หญิงเล่นมากขึ้น 1.3 ล้านคน และประมาณ 9 แสนกว่าคนมีหนี้จากการพนันสูงถึง 12,258 ล้านบาท เฉลี่ยคนละ 13,188 บาท 

ที่น่ากังวลใจพบว่า กลุ่มเยาวชนเล่นพนันมากขึ้นร้อยละ 17 โดยเฉพาะการพนันบอลเพราะได้เสียเงินง่ายและเร็ว ขณะที่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเล่นพนันเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากการพนันที่แพร่หลาย มีเวลาว่าง แก้เหงา มีเงินเก็บ ดังนั้น คนใกล้ชิดจึงต้องพยายามชักชวนให้มาทำกิจกรรมในชุมชนมากขึ้น (ดูอินโฟกราฟิกประกอบ)

เมื่อสำรวจลึกลงไปถึงรายละเอียดของการเล่นพนันบอลในโลกออนไลน์ พบว่า กว่าร้อยละ 34 ระบุจำนวนเงินที่คิดจะลงเดิมพันครั้งแรกที่ 1-500 บาท และกว่าร้อยละ 17 ระบุว่า จะลงเดิมพันครั้งแรกมากกว่า 5,000 บาท ซึ่งเป็นคำตอบที่น่าสนใจมากทีเดียว ว่าเยาวชนกลุ่มนี้นำเงินมาจากไหน ซึ่งคำตอบที่ได้จากผลสำรวจพบว่า กว่าร้อยละ 55 ระบุว่า นำเงินส่วนตัวมาเล่น และร้อยละ 17 ได้เงินมาจากผู้ปกครอง ทั้งนี้ ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ คำตอบของเยาวชนที่บอกว่าเป็นเงินส่วนตัวนั้นอาจจะเป็นเงินที่ได้มาจากผู้ปกครองเช่นเดียวกัน

ส่วนกรณีการพบเห็นโฆษณาพนันบอลในโลกออนไลน์จะมีผลต่อการตัดสินใจลองเล่นไหม พบว่า ร้อยละ 87 ยืนยันว่า ไม่มีผล ร้อยละ 8 ระบุว่า ไม่แน่ใจ และร้อยละ 5 ระบุว่า มีผลแน่นอน

เรื่องนี้ถูกเขียนใน Uncategorized และติดป้ายกำกับ , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร